FirstChoice > Lifestyle > รีวิวไอโฟน 12 น่าใช้แค่ไหน เทียบสเปคกันชัดๆ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ต่างกันอย่างไร

รีวิวไอโฟน 12 น่าใช้แค่ไหน เทียบสเปคกันชัดๆ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ต่างกันอย่างไร 

GadgetTrendy

20 พ.ย. 2020

3 นาที

รีวิวไอโฟน 12 น่าใช้แค่ไหน เทียบสเปคกันชัดๆ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ต่างกันอย่างไร 

GadgetTrendy

20 พ.ย. 2020

3 นาที

ก่อนจะเตรียมตัวเป็นเจ้าของ iPhone 12 ที่จะเปิดให้พรีออร์เดอร์ได้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน  และวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่ารุ่นไหนคุ้มค่าต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด จาก iPhone 12 ทั้งหมด 4 รุ่น และรุ่นไหนเหมาะกับเรา และน่าซื้อมากที่สุด มาดูกันค่ะ

 

1. A14 Bionic แรง และทนทานกว่ารุ่นก่อน

ด้วยวัสดุพรีเมี่ยม ทำจาก Ceramic Shield ที่ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า

  • iPhone 12 และ iPhone 12 mini ด้านหลังเป็นแบบกระจก และอะลูมิเนียม RAM 4GB ความจุเริ่มต้น 64GB

  • iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ด้านหลังเป็นกระจกผิวด้านและสแตนเลสสตีล RAM 6GB ความจุเริ่มต้น 128GB

2. ขนาดจอที่กว้าง บางเบา และดีกว่า 

ด้วยหน้าจอ OLED Super Retina XDR ตัวเครื่องบางลง 11%, เบาขึ้น 16% และ เล็กลง 15% เมื่อเทียบกับ iPhone 11  โดย iPhone 12 จะขนาดเท่ากันกับ iPhone 12 Pro ที่ขนาด 6.1” แต่ iPhone 12 mini ขนาดเล็กเพียงแค่ 5.4” แต่ถ้าใครสายชอบหน้าจอกว้างๆ ก็ต้องเป็น iPhone 12 Pro Max ที่ขนาดถึง 6.7"

iPhone12

Source : https://www.apple.com/
 

3. สำหรับ iPhone 12 และ iPhone 12 mini มีให้เลือกถึง 5 สี

คือ เขียว, ขาว, ดำ, น้ำเงิน และ Product Red แต่ iPhone 12 Pro กับ Pro Max มีสีให้เลือกเพียง 4 สี นั่นก็คือ แปซิฟิกบลู, ทอง, เงิน และกราไฟต์

iPhone 12 Source : https://www.apple.com/
 

4. iPhone 12 และ iPhone 12 mini ใช้กล้องคู่

แต่กล้อง iPhone 12 Pro และ Pro Max มี 3 ตัว คือไวด์, อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้

  • เลนส์อัลตร้าไวด์ มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  รูรับแสงขนาด  ƒ/2.4 มุมมอง 120 องศา

  • เลนส์ไวด์ มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด ƒ/1.6

ความแตกต่างคือ เลนส์เทเลโฟโต้ ใน iPhone 12 Pro รูรับแสงขนาด  ƒ/2.0  แต่ iPhone 12 Pro Max เพิ่มขึ้นมาเป็น รูรับแสงขนาด  ƒ/2.2 ซึ่งแต่ละรุ่นมีซูมดิจิตอล และซูมแบบออปติคอลที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บของ Apple – iPhon 12 และ iPhone 12 mini และ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max

มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล และอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวล หากเราเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพแล้วมือสั่น เซ็นเซอร์ LiDAR ทำให้โฟกัสเร็วขึ้น เก็บรายละเอียดภาพได้สมจริงขึ้น

สำหรับ Apple Pro Raw มีเฉพาะในรุ่น iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max เท่านั้น ถ้าหากไม่เน้นการตัดต่อ แต่งภาพ ก็ยังถือว่าไม่จำเป็นขนาดนั้น

 

5. มีโหมดกลางคืน

มีเทคโนโลยี LiDAR ในการถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืน ซึ่งจะช่วยทำให้ภาพที่เห็นเป็น AR สมจริงยิ่งขึ้น แม้ถ่ายในที่แสงน้อย ปรับปรุงออโต้โฟกัสในพื้นที่แสงน้อยให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 6 เท่า มีเฉพาะในรุ่น iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max แต่สำหรับ iPhone 12 ก็ไม่ต้องน้อยใจไป ก็สามารถถ่ายภาพโดยใช้โหมดถ่ายภาพกลางคืนได้เช่นกัน ทั้งกล้องไวด์หรืออัลตร้าไวด์ สามารถถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอได้ในที่แสงน้อยได้สบายๆ เลยล่ะ คราวนี้อยากจะเซลฟี่กับเพื่อนๆ ในแก๊งค์ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าแสงจะไม่พอ มีแค่ไอโฟน 12 เครื่องเดียวก็อุ่นใจ ถ่ายได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ได้เลยจ้า

6. โหมดภาพถ่ายบุคคล

มีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดถ่ายภาพขาว-ดำ โหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ โหมดแสงไฟธรรมชาติ และโหมดแสงไฟสตูดิโอ

7. ถ่ายวิดีโอ 4K HDR ในแบบ Dolby Vision

ถ่ายเห็นภาพคมชัดทุกอณูขุมขน จนกล้องถ่ายรูปที่มีในมือเริ่มสั่น แทบจะต้องเขวี้ยงทิ้งกันไปเลยทีเดียว iPhone 12 สามารถถ่ายวิดีโอในแบบ Dolby Vision สูงสุด 30 fps แต่ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 60 เฟรมต่อวินาที และมีระบบป้องกันวิดีโอสั่นไหวคุณภาพระดับภาพยนตร์ มีไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืน ทำให้เวลาถ่ายวิดีโอในตอนกลางคืน หรือแสงน้อย ภาพออกสว่างชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถสะท้อนหน้าจอกับสมาร์ททีวีที่รองรับ AirPlay ได้ในระดับ 4K กันเลยทีเดียว หรือกับ Apple TV ก็ได้เช่นกัน รวมไปถึงสามารถรองรับการสะท้อนวิดีโอระดับสูงสุด 1080p ผ่านอะแดปเตอร์ Digital AV แบบ Lightning และอะแดปเตอร์ Lightning เป็น VGA
iPhone 12 Pro

8. ทนน้ำในระดับความลึกที่มากกว่าเดิม

ไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที

9. แบตเตอร์รี่ชาร์จไว

โดยชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ข้อจำกัดของ iPhone 12  เวลาเปิดใช้งาน 5G แบตจะหมดไวกว่า iPhone 11 โดยข้อมูลจากการทดสอบของ Tom’s Guide อีกทั้งยังมีระบบอุปกรณ์เสริม MagSafe โดยจะนำแม่เหล็กมาติดกับ iPhone ให้ iPhone สามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายผ่านระบบชาร์จ MagSafe ได้แบบไม่ต้องกะตำแหน่งชาร์จ และแม่เหล็กนี้ยังคงสามารถใช้เพื่อติดกับอย่างอื่นได้ด้วย อย่างเช่นที่ใส่บัตรหรือเคส

10. iPhone 12 มี LTE ความเร็วสูงสุด 2Gbps

จึงสามารถดาวน์โหลด อัพโหลดรูปภาพ และสตรีมวิดีโอคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับ 5G ที่เร็ว และแรงที่สุดอีกด้วย

11. iPhone 12 ก็ใช้ 2 ซิมได้นะ รู้ยัง

จะเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ก็ใช้แค่เครื่องเดียวสบายๆ ไม่หวั่น แม้วัน(ที่มีงานเข้า)มามาก

12. ระบบเสียง Dolby Atmos

เสียงจะเคลื่อนไปรอบๆ ตัวคุณในพื้นที่แบบ 3D คุณจึงรู้สึกเหมือนเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ หรือหากดูคอนเสิร์ต ก็จะรู้สึกเหมือนตัวเราเข้าไปติดขอบหน้าเวทีเลยทีเดียวล่ะ

13. ไม่แถมที่ชาร์จและหูฟัง

จากที่ Apple ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ขนส่ง และช่วยรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเหตุให้ไม่มี EarPods หรืออะแดปเตอร์หัวชาร์จ แต่ยังให้สายชาร์จ USB-C to Lightning

ผลจึงตกกระทบกับคนที่ไม่เคยใช้ไอโฟนมาก่อน และคนที่มีไอโฟนรุ่นเก่าๆ เช่น iPhone 6s เป็นต้น ที่หัวชาร์จยังเป็น USB-A to Lightning แบบเก่าอยู่เลย ทำให้ต้องเสียเงินเพิ่มในการซื้อทั้งหูฟัง หัวชาร์จ

แต่ถ้าใครโอเคเซย์เยส พร้อมเทใจให้ iPhone 12 แล้วละก็ Apple ก็ยังลดราคาทั้งหัวชาร์จ 20W และหูฟัง EarPods เหลือเพียง 690 บาท จากราคาปกติ 1,190 บาทแล้ว รวมกันทั้งสองอย่างมูลค่า 1,380 บาท

สรุปจะเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหนดีล่ะ

จากข้อสรุปทั้งหมดที่ได้มา โดยรวมแล้ว สำหรับ iPhone 12 ก็เพียงพอต่อความต้องการพื้นฐานโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว แต่ถ้าหากชอบไซส์เล็กมินิๆ ก็ต้องเป็น iPhone 12 mini ขนาดเล็ก พกพาสะดวก แต่ถ้าอยากได้ความ Advance มากกว่านั้น ในเรื่องของกล้องที่ดีกว่าระดับกล้องโปร เน้นไปในทางตัดต่อ ถ่ายรูปจริงจังอยู่บ่อย ๆ และอยากได้ความ Entertainment ที่สมจริง iPhone 12 Pro ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีและคุ้มมาก ๆ เลยค่ะ แต่ถ้าใครชอบการใช้งานหน้าจอกว้างๆ สเปคเทียบเท่าไอโฟน 12 โปร ก็ต้องนี่เลยจ้า iPhone 12 Pro Max ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล และลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยค่ะ

สำหรับราคา

  • iPhone 12 mini ความจุ 64GB: ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท

  • iPhone 12 ความจุ 64GB: ราคาเริ่มต้น 29,900 บาท

  • iPhone 12 Pro ความจุ 128GB: ราคาเริ่มต้น 36,900 บาท

  • iPhone 12 Pro Max ความจุ 128GB: ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท

 
เปิดให้พรีออร์เดอร์ได้ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้  และวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 27 พฤศจิกายน

โปรผ่อนไอโฟน 12 0% แบบยาวๆ จากกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์

ผ่อนไอโฟน 12 ทุกรุ่น 0% สูงสุด 10 เดือน*

 

ผ่อน iPhone เครื่องเปล่า ทุกรุ่น 0% สูงสุด 10 เดือน* ที่ Studio7|BaNANA เรียนรู้เพิ่มเติม
 

ผ่อนไอโฟน เครื่องเปล่า ทุกรุ่น 0% สูงสุด 10 เดือน* ที่ iStudio | .life เรียนรู้เพิ่มเติม
 

Krungsri Consumer Apple Rewards Store ผ่อนสินค้า Apple 0% สูงสุด 10 เดือน* เรียนรู้เพิ่มเติม
 

ผ่อนชำระสินค้าที่ APPLE 0% นานสูงสุด 10 เดือน* ที่ Apple Store และ Apple Store Online เรียนรู้เพิ่มเติม

บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
สินเชื่อส่วนบุคคล : อัตราดอกเบี้ยปกติ 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 15% - 25% ต่อปี

 


สมัครบัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์ได้ที่นี่

สมัครบัตรทันที

 

โปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง

รวมโปรโปรโมชั่น ดีลผ่อนยาว ผ่อนไอโฟน 16 รุ่นใหม่ ทุกรุ่น 0% สูงสุด 24 เดือน*

บทความที่น่าสนใจ

สาขาเฟิร์สช้อยส์

ค้นหาสาขาใกล้บ้านคุณ

บลูพลัส & บลูเมมเบอร์

ข้อมูลที่ควรทราบและคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
พริวิเลจ บลูพลัส & บลูเมมเบอร์