เรียกได้ว่าหน้าฟีดแทบแตก กับการเปิดตัว iPhone 14 ของ Apple เมื่อคืนนี้ วันนี้กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์เลยจะมาสรุปชัดๆ ว่าไฮไลท์เด็ดที่มาพร้อมกับ iPhone 14, iPhone 14 Plus, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีอะไรบ้าง

iPhone 14 / iPhone 14 Plus แบตอึดที่สุดเท่าที่เคยมีมา

iPhone 14 Plus เป็นรุ่นที่แบตอึดที่สุดเท่าที่เคยมีมา สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 26 ชั่วโมง ส่วน iPhone 14 ไม่น้อยหน้า อยู่ได้นานถึง 20 ชั่วโมง

ดีไซน์เดิมเพิ่มเติมคือหน้าจอใหญ่และสีใหม่ว้าวกว่าเดิม

iPhone 14 Series มากับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นก่อน โดย iPhone 14 มีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง iPhone 14 Plus มีหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 6.7 นิ้ว มาให้เลือกทั้งหมดด้วยกัน 5 สี คือ ฟ้า, ม่วง, ดำมิดไนท์, ขาวสตาร์ไลท์ และ แดง ส่วนความจุมีให้เลือก 128 GB, 256 GB และ 512 GB

ชิป A15 Bionic แรงแบบเหลือเฟือ

iPhone 14 Series ยังคงใช้ชิป A15 Bionic ตัวเดิม เหมือนตัวที่ใช้ใน iPhone 13 Pro Series แม้จะเป็นชิปเดิมแต่ความแรงของมันก็ยังแรงแบบเหลือเฟือสำหรับการใช้งานต่าง ๆ ไม่มีกระตุกแน่นอน

กล้องหลังคู่ 12MP ถ่ายวิดีโอสมูทขึ้นด้วยฟีเจอร์ Action Mode

ทั้ง iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มากับกล้องหลังคู่ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 12MP ที่อัปเกรดขนาดเซนเซอร์ใหญ่ขึ้น และรูรับแสงกว้างขึ้น พร้อมระบบกันสั่นแบบ Sensor-shift OIS ที่ช่วยทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโอ ส่วนกล้องอีกตัวเป็นเลนส์ Ultrawide ความละเอียด 12MP ไม่พอ! จุดเด่นอีกอย่าง คือ บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps อัตราเฟรมเดียวกับภาพยนตร์ พร้อมฟีเจอร์ Action Mode เพิ่มความสมูทให้กับการถ่ายวิดีโอยิ่งขึ้น เอาใจสายทำคอนเทนต์เป็นที่สุด

ส่วนกล้องหน้า 12MP มากับระบบ Auto Focus และรูรับแสงที่กว้างขึ้น ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีกว่าเดิม สายเซลฟี่ต้องถูกใจสิ่งนี้

iPhone 14 Pro / iPhone 14 Pro Max ล้ำสุดที่เคยมีมา! All-day battery life แบบอึดอยู่ได้ทั้งวัน
 

บอกลาหน้าจอบาก ต้อนรับหน้าจอเจาะรู พร้อมฟีเจอร์ใหม่ Dynamic Island

หน้าจอของ iPhone 14 Pro มีขนาดอยู่ที่ 6.1 นิ้ว และ iPhone 14 Pro Max มีขนาดอยู่ที่ 6.7 นิ้ว คราวนี้เปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ จากเดิมที่เป็นรอยบากมาเนิ่นนาน เปลี่ยนมาเจาะรูบนหน้าจอแทนแล้ว ทีเด็ดอยู่ที่ฟีเจอร์ “Dynamic Island” เพิ่มลูกเล่นให้กับรูบนหน้าจอ เปลี่ยนรูกล้องให้เป็นแถบสำหรับการแจ้งเตือน และไอคอนต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมา ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ารูกล้องนี้กลมกลืนเป็นส่วนนึงกับหน้าจอแบบเนียนๆ มาทั้งหมดด้วยกัน 4 สี คือ ทอง, เงิน ,ดำสเปซแบล็ค และ สีใหม่เอาใจสายมู ม่วงเข้ม สวยมากกก ส่วนความจุมีให้เลือกได้ 4 ขนาดกันแบบจุกๆ 128 GB, 256GB, 512GB และ 1TB

ในที่สุด Always-On Display ก็มาแล้ว

iPhone 14 Pro Series มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Always-On Display ที่แสดง Widget และ Live activity ให้ตลอดเวลา โดยการลดความสว่างและอัตรารีเฟรชลงขณะอยู่ในหน้าจอล็อก ทำให้สามารถแสดงผลนาฬิกา การแจ้งเตือน และสถานะต่าง ๆ ต่อไปได้โดยไม่กินแบต

A16 Bionic ชิปสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ชิปประมวลผลมากับชิปตัวใหม่ล่าสุดอย่าง A16 Bionic (CPU แบบ 6-core และ GPU แบบ 5-core) ที่ทำงานเร็วแรงเด็ดดวงกว่าเดิม งานนี้ Apple เคลมว่า ชิป A16 แรงกว่าสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่นในตลาดถึง 40% ในด้าน CPU และ 50% ในด้าน GPU นอกจากจะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ iPhone 14 Pro Series แล้ว ยังช่วยในด้านการประมวลผลภาพถ่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมให้ออกมาเริ่ดกว่าเดิมด้วย

กล้องหลังอัปเกรดครั้งใหญ่ เพิ่มความละเอียดเป็น 48MP

iPhone 14 Pro Series คราวนี้มาพร้อมระบบกล้องระดับโปรที่เหนือชั้นไปอีกระดับ โดยการเปลี่ยนเซนเซอร์กล้องหลัก 12MP เป็น 48MP ความละเอียดเพิ่มขึ้น 4 เท่า และขนาดใหญ่ขึ้น 65% เมื่อเทียบกับ iPhone 13 Pro สามารถเก็บภาพที่มีความสว่างและรายละเอียดชัดเจนมากขึ้น รวมถึงกล้อง Ultrawide 12MP และกล้อง Telephoto 12MP ช่วยให้ภาพถ่ายในที่มืดได้ดีขึ้น

และแน่นอนว่ามาพร้อม Action Mode ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้นิ่งสนิท  ส่วนโหมด Cinematic mode ได้เพิ่มตัวเลือกการบันทึกวิดีโอ 4K แบบ HDR ที่ 24 เฟรมต่อวินาที ตามมาตรฐานเดียวกับที่ใช้กันในวงการภาพยนตร์ ปังไม่ไหว

กล้องเซลฟี่ TrueDepth ใหม่ อัปเกรดรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้นและมากับระบบ Auto Focus ด้วยเช่นกัน

Crash Detection ระบบตรวจจับรถชนด้วยเซนเซอร์สุดแม่นยำ และ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม

ทั้ง iPhone 14 Series และ iPhone 14 Pro Series มาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสุดล้ำ เพิ่มฟีเจอร์ฉุกเฉินอย่าง Crash Detection ที่ช่วยให้ตัวเครื่องสามารถตรวจจับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ เมื่อตรวจจับได้ว่ามีการชนเกิดขึ้น iPhone 14 จะโทรหาเบอร์ฉุกเฉินหรือเบอร์ติดต่อที่บันทึกไว้โดยอัตโนมัติ พร้อมกับฟีเจอร์ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม เมื่อเราเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่อับสัญญาณ แล้วเกิดต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา สามารถใช้งานฟีเจอร์ Emergency SoS via Satellite เพื่อส่งสัญญาณฉุกเฉินผ่านดาวเทียมได้ โดยระบบจะทำการส่งพิกัดและเปอร์เซ็นต์แบตที่เหลือ ณ ปัจจุบันไปยังปลายทาง พร้อมกับ ID ทางการแพทย์โดยอัตโนมัติ

สรุปราคาและการวางจำหน่าย
iPhone 14 : เริ่มต้น 32,900 บาท
iPhone 14 Plus : เริ่มต้น 37,900 บาท
iPhone 14 Pro : เริ่มต้น 41,900 บาท
iPhone 14 Pro Max : เริ่มต้น 44,900 บาท
 
สั่งซื้อล่วงหน้าวันที่ 9 กันยายน 2565
เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 16 กันยายน 2565