เทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว! หลายคนคงวางแผนเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ไหว้ญาติผู้ใหญ่ เที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว 🚗 🚐 🚌 ✈️ แต่ก่อนออกเดินทางไกล สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

1. น้ำมันเครื่อง

เช็กระดับน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาทำความสะอาดแล้วเสียบกลับไปจุดเดิม ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับต่ำเกินไปให้รีบเติมเพิ่มทันที ควรอยู่ในระดับระหว่าง F กับ L หรือ Max กับ Min

และควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน หรือเปลี่ยนในกรณีที่พบว่าสีน้ำมันเครื่องเปลี่ยนจากสีเหลือง เป็นสีดำ เพราะถ้าน้ำมันสกปรก เป็นสีดำจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ และยังทำให้เราเปลืองน้ำมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

2. แบตเตอรี่รถยนต์ ไดชาร์จ ไดสตาร์ท หัวเทียน

สิ่งสำคัญที่สุดอีกหนึ่งอย่างเลยคือแบตเตอรี่รถยนต์ หมั่นตรวจเช็กทำความสะอาดคราบขี้เกลือบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ระดับน้ำ รวมไปถึงวันหมดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ได้ประมาณ 3 ปี ก่อนอื่นเราจะต้องรู้ก่อนว่าแบตเตอรี่เราเป็นแบบน้ำ แบบแห้ง หรือแบบกึ่งแห้ง โดย

• กรณีเป็นแบบน้ำ ให้เช็คระดับน้ำกลั่น และเติมให้เรียบร้อย
• กรณีเป็นแบบแห้งให้ใช้เครื่องวัดระดับกระแสไฟฟ้า รวมไปถึงเช็คดูอาการจากหน้าปัด หากมีสัญลักษณ์แจ้งเตือน หรือระดับแรงไฟฟ้าต่ำให้รีบเปลี่ยนทันที ซึ่งหากไม่มีเครื่องวัด สามารถเข้าไปศูนย์บริการใกล้บ้านได้เลยค่ะ
• กรณีเป็นแบบกึ่งแห้งจะต้องเติมน้ำกลั่นปีละ 1-2 ครั้ง หากลืมเติมน้ำกลั่นจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมและรถสตาร์ทไม่ติดได้ 

ส่วนไดชาร์จ ไดสตาร์ท หัวเทียน ต่างๆ อาจจะต้องนำเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กให้ละเอียด เนื่องจากเป็นหัวใจหลักในส่วนระบบไฟฟ้า สตาร์ทรถให้ติด หากเกิดปัญหาอาจจะทำให้รถดับ สตาร์ทไม่ติดระหว่างทาง อาจจะทำให้เสียเวลา เสียเงินจ้างรถลากเพิ่มได้

3. ยางรถยนต์

ตรวจเช็กลมยางก่อนออกเดินทาง และความลึกร่องดอกยาง ดอกยางหมด หากมีรอยเจาะ ยางแตกลายงา ยางบวม ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง สามารถเลือกเปลี่ยนได้ที่ศูนย์บริการชั้นนำใกล้บ้าน ทั้งนี้บางศูนย์บริการก็มีโปรโมชั่นผ่อนยาง 0% 10 เดือนกับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ช่วยให้อุ่นใจ มีเงินเที่ยวปีใหม่ไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน

4. น้ำมันเบรก และ ระบบเบรก

ระบบเบรกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จำเป็นจะต้องตรวจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะน้ำมันเบรกต้องเติมให้เรียบร้อยถึงระดับขีดของมัน และตรวจเช็กผ้าเบรกหมดหรือไม่ จานเบรก บางอย่างเราอาจจะเช็กด้วยตนเองไม่ได้

อาจจะใช้จากการสังเกตอาการแปลกๆ เวลาเหยียบเบรก หากรู้สึกมีอาการแปลกๆ ผิดปกติ เช่น เบรกติดขัด เสียงดัง อาจจะต้องปรึกษาผช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยเข้าไปศูนย์บริการชั้นนำใกล้บ้านให้ช่างช่วยตรวจสอบให้จะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

5. ระบบช่วงล่างรถยนต์ 

ตรวจสอบช่วงล่างรถยนต์ เช่น เช็กคราบน้ำมันบริเวณแกนโช้คอัพว่า รั่วหรือไม่ ลูกหมากปีกนก เป็นต้น ซึ่งอาจจะต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจเช็กสภาพให้ แต่เราสามารถตรวจเช็กง่ายๆ ด้วยตัวเอง

จากการสังเกตได้จากอาการแปลกๆ เหล่านี้ เช่น มีเสียงดังกึกกักที่ช่วงล่าง พวงมาลัยมีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หากพบอาการเหล่านี้ให้รีบนำรถเข้าไปตรวจเช็กให้ละเอียดที่ศูนย์บริการชั้นนำใกล้บ้านคุณ

6. น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์

หมั่นตรวจเช็กระดับน้ำมันเกียร์ และน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควรอยู่ในระดับระหว่าง F กับ L หรือ Max กับ Min โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยลดลงมากเท่าไร แต่ถ้าหากในกรณีที่เกิดอาการลดลงมากผิดปกติ อาจจะต้องรีบนำรถเข้าไปเช็กเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการชั้นนำใกล้บ้านคุณทันที

7. หม้อน้ำ ท่อยาง และระบบหล่อเย็น

หมั่นตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักน้ำให้อยู่ในระดับ F หรือ ระหว่าง F กับ L หรือ Max กับ Min แต่ไม่ควรเติมไว้จนเต็ม เพราะในกรณีที่เราเดินทางไกล จะทำให้เกิดความร้อนสูง น้ำในหม้อพักน้ำจะดันออกมาจนล้น หรือหากน้ำน้อยเกินไป อาจทำให้การระบายความร้อนของเครื่องยนต์มีปัญหา และเครื่องยนต์อาจดับกลางทางได้

และหมั่นตรวจเช็กท่อยาง พัดลมหม้อน้ำ ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดเสียหายหรือไม่ หากพบว่าผิดปกติต้องเร่งนำรถเข้าไปเช็กเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการชั้นนำใกล้บ้านคุณทันที
และที่สำคัญควรจอดพักรถเป็นระยะๆ เพื่อระบายความร้อนของเครื่องยนต์ที่ทำงานหนัก ป้องกันการเกิดปัญหารถดับกลางทาง ช้าหน่อยแต่ชัวร์ ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยค่ะ

8. แผ่นกรองอากาศและระบบแอร์

แผ่นกรองอากาศจะคอยช่วยดักจับสิ่งสกปรก หากแผ่นกรองอากาศอุดตัน จะทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักมากกว่าปกติ จึงต้องหมั่นนำออกมาทำความสะอาด ดูดฝุ่น หรือในกรณีที่ถึงเวลาจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที  และหมั่นล้างตู้แอร์ เช็กน้ำยาแอร์อยู่เป็นประจำก่อนออกเดินทางไกล ว่าระบบแอร์ทำงานปกติหรือไม่

9. การทำงานของแผงควบคุม ระบบไฟต่างๆ

โดยปกติแล้วบนแผงหน้าปัดของเรานั้นจะแสดงสัญลักษณ์เตือนสีต่างๆ แดง เหลือง และเขียว (หรือฟ้า หรือขาว) ในกรณีที่รถเริ่มมีปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยแบ่งตามระดับความรุนแรงหรือฉุกเฉิน ความเร่งด่วนต่างกัน ดังนี้

• ไฟสีแดง เตือนว่าระบบในรถยนต์กำลังมีปัญหาอย่างร้ายแรง อาจเกิดความเสียหายหรืออันตรายได้ ควรหยุดรถและตรวจสอบหาความผิดปกติทันที
• ไฟสีเหลือง เตือนว่าระบบในรถยนต์มีปัญหาบางอย่าง แต่ยังใช้งานรถยนต์ได้อยู่ ควรนำรถไปตรวจเช็กและซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด หรือแจ้งเตือนว่าใช้ระบบนี้อยู่และควรปิดเมื่อไม่ต้องการใช้
• ไฟสีเขียว (หรือฟ้า หรือขาว) แจ้งบอกสถานะการทำงานของอุปกรณ์หรือระบบในรถยนต์ที่คุณกำลังใช้งานอยู่  

ซึ่งรถแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ก็จะมีสัญลักษณ์แจ้งเตือนที่แตกต่างกันออกไป สามารถค้นหาและตรวจสอบสัญลักษณ์แจ้งเตือนต่างๆ ของรถคุณ และควรเร่งแก้ไขให้ไม่มีไฟสถานะโชว์ หรือเป็นสีเขียวให้หมดจะปลอดภัยที่สุดค่ะ 

รวมไปถึงระบบไฟหน้ารถสูง-ต่ำ  ไฟท้าย และไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก ไฟฉุกเฉิน ทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมออกเดินทางไกล หากจำเป็นจะต้องเดินทางในเวลากลางคืนอาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ

10. ใบปัดน้ำฝน

ตรวจเช็กน้ำยา หรือน้ำเช็ดกระจก รวมไปถึงสภาพการใช้งานของใบปัดน้ำฝน เพราะถ้าเมื่อเกิดฝนตก แต่ใบปัดน้ำฝนอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายและความปลอดภัยในการเดินทางได้ค่ะ ควรเปลี่ยนใหม่ให้สภาพพร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะปีใหม่ หรือสงกรานต์ก็เดินทางปลอดภัย หายห่วง ไม่กลัวฝนค่ะ

การตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทางไกลในช่วงปีใหม่ไม่เพียงแต่ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง ดังนั้น อย่าลืมทำการตรวจเช็กอย่างละเอียดเพื่อให้การเดินทางของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย!

บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
สินเชื่อส่วนบุคคล : กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 3% - 25% ต่อปี