FirstChoice > Lifestyle > เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งาน และเลือกวิธีจ่ายที่คุ้มค่ากับคุณ

เปรียบเทียบความคุ้มครองประกันรถยนต์ แบบไหนเหมาะกับเรามากกว่ากัน

Editor’sPick

2 ม.ค. 2025

1 นาที

เปรียบเทียบความคุ้มครองประกันรถยนต์ แบบไหนเหมาะกับเรามากกว่ากัน

Editor’sPick

2 ม.ค. 2025

1 นาที

ประกันรถยนต์เลือกอย่างไรดี? รถเก่าแล้วซื้อประกันชั้น 1 ต่อดีไหม? รถไม่ค่อยได้ใช้ซื้อประกันชั้น 3 ไปเลยดีหรือเปล่า? หลายคนอาจจะเคยตั้งคำถามเช่นนี้ขึ้นมาในใจ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำประกันรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้งานมาแล้วหลายปี หรือรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับประกันภัยรถยนต์ว่ามีกี่ประเภท และประเภทไหนที่เหมาะกับการขับขี่ของแต่ละคนมากที่สุด รวมถึงเราควรจะเลือกซื้อประกันรถยนต์อย่างไรถึงจะคุ้มค่าที่สุด

รู้จักประกันภัยรถยนต์ให้มากขึ้น

รู้หรือไม่ว่าประกันภัยรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ นั่นก็คือ ประกันภัยภาคบังคับ และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ

สำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ เป็นประกันรถยนต์ที่เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองจะต้องทำประกันนี้ไว้ หากไม่ดำเนินการจะถือว่ามีความผิด โดยประกันชนิดนี้เป็นประกันที่เราเรียกติดปากกันอยู่เสมอว่า “พ.ร.บ.” นั่นเอง

ส่วนประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นประกันภัยที่กฎหมายไม่ได้บังคับ จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่เจ้าของรถยนต์ส่วนใหญ่จะทำประกันภัยภาคบังคับเอาไว้ เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จะได้ผ่อนภาระทางการเงินหนัก ๆ ให้กลายเป็นเบาได้ ซึ่งประกันรถยนต์ภาคสมัครใจได้แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามความคุ้มครอง

เลือกประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจอย่างไรดี ถึงตรงกับการใช้งาน

แน่นอนว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่คุ้มครองมากที่สุด และครอบคลุมที่สุด แต่ก็มีราคาแพงที่สุดด้วยเช่นกัน พอจบปีไม่ได้เคลม หลายคนก็อดที่จะคิดเสียดายเงินไม่ได้ แต่ครั้นจะไม่ทำประกันไว้ ก็กลัวที่จะเสียเงินมากกว่าเดิม เรามาดูกันดีกว่าว่า สไตล์การขับรถแบบนี้ ควรเลือกซื้อประกันรถยนต์ประเภทไหนดี

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ดูแลครบ คุ้มครองทุกอย่าง

สำหรับรถใหม่ รถที่ขับขี่เป็นประจำ รถที่ขับในรถระยะทางไกลอยู่เสมอ รวมถึงคนที่เพิ่งหัดขับหรือขับรถไม่คล่องนัก ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะคุ้มครองหมดทุกด้าน ปิดทุกความเสี่ยง โดยมีความคุ้มครองดังต่อไปนี้
1. คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทั้งความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย และความเสียหายต่อทรัพย์สิน โดยจะรับผิดชอบในกรอบวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
2. การคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ ทั้งกรณีที่มีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี นั่นหมายความว่า หากว่าเรายังขับรถไม่คล่องแคล่ว แล้วขับไปขนเสาไฟฟ้า สามารถทำเรื่องขอเงินค่าชดเชยได้เช่นกัน
3. การคุ้มครองกรณีสูญหาย ไฟไหม้ ภัยธรรมชาติต่าง ๆ
4. ความคุ้มครองเพิ่มเติมในสัญญาแนบท้าย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลในกรณีที่เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ และประกันตัวผู้ขับขี่ในกรณีความผิดจากอาญา

ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่คุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกัน

สำหรับผู้ที่ขับรถคล่องแคล่ว หรือชำนาญ ไม่ค่อยจะเฉี่ยวชน เป็นรถคันที่ไม่ได้ใช้ แต่จอดไว้ในที่เสี่ยง หรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ แนะนำให้เลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 2 เพราะคุ้มครองคล้ายกับประกันรถยนต์ชั้น 1 เว้นแต่เรื่องความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยที่จะไม่ครอบคลุม โดยคุ้มครองในกรณีดังต่อไปนี้
1. คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทั้งความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และต่อทรัพย์สิน
2. คุ้มครองกรณีสูญหาย ไฟไหม้ และภัยธรรมชาติต่าง ๆ
3. ความคุ้มครองเพิ่มเติมในสัญญาแนบท้าย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่าประกันตัวผู้ขับขี่

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะกับคนขับรถคล่องแคล่ว

สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะสำหรับผู้ที่ขับรถชำนาญ คล่องแคล่ว ไม่ค่อยได้ชนวัตถุสิ่งของ แต่ยังมีเฉี่ยวชนกับรถคันอื่นอยู่ หรือจอดรถในที่สาธารณะ เสี่ยงสูญหาย หรือเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติอย่างน้ำท่วมบ่อย ๆ โดยเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ในกรณีรถชนรถ และมีคู่กรณี เพิ่มเติมขึ้นมาจากประกันรถยนต์ชั้น 2 ปกติ

ประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองน้อย จ่ายเบา

เหมาะสำหรับรถคันที่ไม่ค่อยไม่ได้ใช้งาน และจอดไว้ในที่ที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการสูญหาย ไม่อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงกับภัยธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ โดยคุ้มครองในกรณีดังต่อไปนี้
1. คุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ทั้งความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย และต่อทรัพย์สิน
2. ความคุ้มครองเพิ่มเติมในสัญญาแนบท้าย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และค่าประกันตัวผู้ขับขี่

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ใช้น้อย แต่กังวลเรื่องการเฉี่ยวชนกับผู้อื่น

เหมาะสำหรับรถที่ใช้เดินทางในระยะทางสั้น ๆ และไม่บ่อยครั้งมากนัก หรือรถที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยเพิ่มความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ในกรณีรถชนรถ และมีคู่กรณี เพิ่มเติมมาจากประกันรถยนต์ชั้น 3 ปกติ

สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ซื้อประกันสุดคุ้ม

สมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์วันนี้ รับสิทธิประโยชน์ดี ๆ มากมาย สมัครง่าย อนุมัติเร็ว ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี และมีประเภทบัตรให้เลือกหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของทุกคน ไม่ว่าจะชอบรูดเต็มจำนวน ชอบผ่อนสินค้า หรือชอบช้อปในห้าง ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็มีสิทธิประโยชน์ให้มากมาย และมีร้านค้าพันธมิตรมากกว่า 25,000 ร้านค้า ที่สำคัญยังได้รับเครดิตเงินคืนหลายต่อ รับพ้อยท์แบบเต็ม ๆ ไม่มีหัก

เลือกจ่ายประกันผ่านบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เลือกรับสิทธิประโยชน์มากมาย

บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ให้สิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ชำระสินค้าในหมวดประกันผ่านบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์มากมาย ทั้งประกันรถยนต์ ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์หรือบำนาญ ประกันสุขภาพ ประกันการศึกษา ประกันออมทรัพย์ ประกันสัตว์เลี้ยง ประกันที่อยู่อาศัย และประกันเดินทาง

  • 0% สั่งได้ทุกอย่าง เปลี่ยนทุกยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตเป็นยอดแบ่งชำระรายเดือน 0% นาน 3 เดือน คลิก
  • ชำระค่าเบี้ยประกันทุกหมวด รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5,400 บาท* (1 ม.ค. 68 - 31 มี.ค. 68) คลิก


สำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ แม้ว่าไม่ได้มีการบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่เพื่อความไม่ประมาท มีไว้ก็อุ่นใจกว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย ทั้งค่าซ่อมแซมรถ ทั้งค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยต่าง ๆ แต่ไม่ว่าจะรูดเต็มหรือรูดผ่อน ใช้บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ก็คุ้มค่า และได้เงินทอนมากกว่า เพราะเป็นบัตรเดียวที่ให้คุณมากกว่าใคร คุ้มกว่าใคร สมัครบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์เลย คลิก

บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
สินเชื่อส่วนบุคคล : อัตราดอกเบี้ยปกติ 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 15% - 25% ต่อปี

 


สมัครบัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์ได้ที่นี่

สมัครบัตรทันที

 

บทความอื่นๆ เพิ่มเติม

สาขาเฟิร์สช้อยส์

ค้นหาสาขาใกล้บ้านคุณ

บลูพลัส & บลูเมมเบอร์

ข้อมูลที่ควรทราบและคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์
พริวิเลจ บลูพลัส & บลูเมมเบอร์