"จีน" เปิดให้ท่องเที่ยวแบบฟรีวีซ่า ทำให้ประเทศนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับคนชอบเที่ยว โดยครั้งนี้เป็นแผนการท่องเที่ยวของ "ปักกิ่ง" เมืองมหานครสุดยิ่งใหญ่ เป็นเมืองที่มีทั้งความเป็นเมืองเก่า - เมืองใหม่ สามารถเดินทางมาเที่ยวเองได้ง่ายๆ ซึ่งใช้เวลาบินตรงจากประเทศไทยเพียง 4 ชั่วโมง 45 นาที และยังไม่ต้องใช้วีซ่า

การเที่ยวประเทศจีน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งในการ "เที่ยวต่างประเทศ" ที่มีความสะดวกสบายมากๆ สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตลอดทุกฤดูกาล ครั้งนี้กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ และ เพจ Lazy Coup จึงอยากชวนทุกคนจูงมือคนรักมาเที่ยว "Beijing" ประเทศจีน ทริปนี้ก็ใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4 วันโดยใช้งบหมื่นเดียวต่อคนเท่านั้น ถ้าพร้อมแล้วเราออกเดินทางไปด้วยกัน

สำหรับใน "การเที่ยวจีนอัพเดทปี 2025" จะพบเลยว่าในการใช้จ่ายต่างๆ ของจีน เน้นความเป็น "Cashless" การที่เราไม่จำเป็นต้องพกเงินสดติดตัว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ค่าเข้าชมสถานที่ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน "Alipay" หรือ "Wechat" ได้

แน่นอนว่าทริปนี้เราก็ได้พกตัวช่วยในทุกการใช้จ่ายอย่าง "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" และ "เอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล" ซึ่งสามารถผูก "บัตรเครดิต" กับ Alipay & Wechat ใช้จ่ายทั้งที่พัก กิน ช้อป ตลอดทั้งทริปเพื่อสะสมคะแนน Cash Back เงินคืน เพิ่มเติมคลิก และเราสามารถเลือกแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เปลี่ยนยอดรูดเต็มเป็นผ่อนชำระ "0% นาน 3 เดือน*" ได้เลย (ไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นสักบาท) เพิ่มเติมคลิก

ก่อนที่เราจะไปเช็คอินก็ต้องห้ามลืมวางแผนเตรียมเสื้อผ้าต่างๆ มาเที่ยวถ่ายรูป ด้วยการ "ช้อปออนไลน์" ให้คุ้ม ปัง ขอแนะนำ "เอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล" บัตรเครดิตที่โดนใจสายช้อปออนไลน์ ที่จัดเต็มไปด้วยฟีเจอร์อย่าง

1. "0% สั่งได้ทุกอย่าง" เวลาที่เรารูดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ สะสมรวมตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ทั้งในและต่างประเทศ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน ได้เลย (ไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นสักบาท) เพิ่มเติมคลิก

2. "โค้ดส่วนลดแจกทุกเดือน" ฟินทุกเดือนไปกับโค้ดส่วนลดบนแอปช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ ไม่จำเป็นต้องรอช่วง Double Day แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Shopee เพิ่มเติมคลิก หรือ Lazada เพิ่มเติมคลิก

3. "พอยท์แลกแคชแบ็ค สูงสุด 18%" บัตรเดียวที่ปังสุดบนโลกออนไลน์ ครอบคลุมหลากหลายไลฟ์สไตล์ตลอดปี ผ่าน "บัตรเครดิต XU" ใช้คะแนนสะสมแลกรับเครดิตเงินคืนสุดคุ้ม สูงสุด 18% ง่ายๆ บนแอป UCHOOSE เพิ่มเติมคลิก

4. "ประกันการซื้อสินค้าออนไลน์" หมดกังวลเรื่องการซื้อของออนไลน์ ไม่ได้ของ ของไม่ครบ ของเสียหาย ด้วยแผนประกันการซื้อสินค้าออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์และ Payment Gateway คุ้มครองสูงสุด 20,000 บาทต่อปี* เพิ่มเติมคลิก

ความเริ่ด ความทำถึงของบัตรนี้ไม่ได้หมดแค่นี้ แม้ว่าเราจะไม่ได้ "Shoponline" เราก็สามารถฟินไปกับโปรโมชั่นอีกหลากหลายหมวด ได้ทั้งแคชแบ็ค ส่วนลด กันแบบยาวๆ เพิ่มเติมคลิก และถ้าเราช้อปหนักเกินไปกลัวจ่ายไม่ไหว ก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะฟีเจอร์ "0% สั่งได้ทุกอย่าง" จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถจัดสรรเงินในกระเป๋าให้ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง



รายละเอียดการเดินทางในปักกิ่ง 4 วัน
Day 1 : Temple of Heaven, Jingshan Park,National Centre for the Performing Arts, Galaxy of Soho
Day 2 : Summer Palace, Suzhou Street, Kunming Lake
Day 3 : Popland, Shichahai, Sugar Bar
Day4 : Great Wall of Badaling

สรุปรายละเอียดค่าใช้จ่ายของทริป
เนื่องจาก "ประเทศจีน" นั้น ค่าครองชีพต่างๆ ไม่สูงมาก บวกกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แบบจัดเต็ม ทำให้งบค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการกิน เที่ยว พัก สามารถคุมงบในการท่องเที่ยวได้ดี ซึ่งเราขออนุญาตสรุปค่าใช้จ่ายของทริปนี้ไว้
- โรงแรม 4 คืน 5,600 บาท (หารกับแฟนเหลือ 2,800 บาท)
- รถไฟความเร็วสูงไป - กลับ Badaling 300 บาท
- กระเช้า 1 เที่ยว Badaling 470 บาท
- ค่าขึ้นกำแพงเมืองจีน 165 บาท
- ค่าเข้า Popland 710 บาท
- ค่าเข้า Jingshan Park 10 บาท
- ค่าเข้า Summer Palace 300 บาท
- ค่าเข้าหอสักการะเทียนถาน 160 บาท
- ค่าอาหารและรถไฟจิปาถะ งบอีก 5,000 บาท
รวม 9,915 บาท / คน *ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน

Application แนะนำ ใช้สำหรับการเดินทางในจีน
1. Baidu map : แผนที่เดินทางในประเทศจีน บอกรายละเอียดดีมากทั้งการเดิน, ขึ้นรถบัส, MRT และการเรียกแท็กซี่ แต่เป็นภาษาจีนทั้งหมด ทำให้อาจจะต้องทำความคุ้นเคยในตอนแรก โดยสามารถเซฟชื่อสถานที่ภาษาจีนจากใต้รูปไปใส่ในการเดินทางได้เลย
2. Maps : แอปแผนที่จาก iPhone สามารถใช้ในการเดินทางที่จีนได้ดี เผื่อใครที่ไม่สะดวกในการใช้ภาษาจีนก็สามารถใช้แทน Baidu ได้
3. Google Translate : ช่วยเป็นเสมือนล่ามแปลภาษาในการใช้ชีวิตที่จีน 
4. WeChat : ใช้ในการติดต่อสื่อสารต่างๆ คล้าย Line ซึ่งคนจีนใช้เป็นแอปในการคุย ติดต่อสื่อสาร, ผูกกับ "บัตรเครดิต" ในการจ่ายเงิน, สแกนในการสั่งอาหารตามร้าน และบางครั้งใช้ในการจองเข้าชมสถานที่
5. Alipay : ผูก "บัตรเครดิต" หรือ Travel Card อื่นๆ / ทำ QR Code สำหรับรถบัส และรถไฟฟ้าใต้ดิน
6. Trip.com : ใช้ในการจองที่พัก โรงแรม ตั๋วรถไฟความเร็วสูงต่างๆ ซึ่งจะมีที่พักให้เลือกเยอะ ราคาดี แถมได้ส่วนลดด้วย เพิ่มเติมคลิก
7. DiDi : สำหรับบางช่วงจังหวะที่เราขี้เกียจเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็สามารถกด DiDi เรียกแท็กซี่มารับไปส่งตามจุดต่างๆ ได้ อารมณ์เหมือน Grab ของไทย ที่เรากำหนดพิกัดต้นทางปลายทางได้เลย ไม่จำเป็นต้องบอกทาง หรือพูดคุยกับแท็กซี่ในการอธิบายเส้นทาง 

Day 1 : Daxing Airport

สำหรับการเดินทางมา "เที่ยวปักกิ่ง" สามารถบินตรงจากไทยได้ง่ายมากๆ โดยใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง 45 นาที เท่านั้น โดยเราจะบินมาลงที่ "Daxing Airport" เป็นสนามบินแห่งชาติที่ทันสมัยด้วยดีไซน์ และเทคโนโลยีต่างๆ ที่นี้ยังเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในจีน และ เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่มีอาคารเทอมินอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
 
หลังจากที่เราแลนด์ดิ้งเรียบร้อย สามารถเลือกเดินทางเข้าตัวเมืองปักกิ่งได้ 3 วิธีด้วยกัน คือ Airport Shuttle Bus, รถไฟฟ้า และการกดเรียกรถแท็กซี่ผ่าน DiDi โดยจุดขึ้นรถจะอยู่ตรงอาคารจอดรถ P1 ชั้น 1M ได้ หากเราจองที่พักอยู่ติดในเส้นรถไฟฟ้า ก็จะเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางอีกเยอะ

Day 1 : Temple of Heaven (天坛公园)

หลังจากที่เอาของเข้าไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์โรงแรม ก็เริ่มต้นออกเดินทางมาที่ "Temple of Heaven" หรือ "หอสักการะเทียนถาน" ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี 1998 โดยหอสักการะแห่งนี้จะเปิดให้เข้าชมในช่วงเวลา 08.00 ของทุกวัน และรอบสุดท้ายก็ต้องซื้อตั๋วเข้ามาก่อน 16.30 (ในช่วง Low Season) และ 17.30 (ในช่วง High Season) ตั๋วเข้าชมสามารถซื้อที่หน้างานได้ แนะนำตั๋วเหมา 34 หยวน หรือจะซื้อออนไลน์มาก่อนผ่าน "Klook" ก็ได้เช่นกัน เพิ่มเติมคลิก เดินเข้าประตูตะวันออกจะเดินใกล้กับ Temple of Heaven มากที่สุด

การเดินทาง : MRT สถานี Tiantan Dongmen

Day 1 : Jingshan Park (景山公园)

ใน "Beijing" จะมีพระราชวังแห่งหนึ่งที่สวยงามและยิ่งใหญ่มากๆ คือ "พระราชวังต้องห้าม" โดยใครที่อยากมาชมวิวสวยๆ ของพระราชวังต้องห้ามในมุมสูง สามารถปักหมุดมาที่ "ศาลา Wanchun Pavilion (万春亭)" ซึ่งจะเป็นศาลาที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงในสวน Jingshan Park (景山公园) เอาไว้ดูวิวพระราชวังต้องห้ามในช่วงพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังเห็นวิวของหอกลองได้อีกฝั่งด้วย เรียกได้ว่าเห็นบ้านเมืองโบราณสวยๆ ของปักกิ่งได้แบบเต็มตา สามารถซื้อตั๋วค่าเข้าชมได้หน้างานได้เลยค่ะ ค่าเข้าประมาณ 2 หยวน หรือคิดเป็นเงินเพียง 10 บาท เท่านั้น

การเดินทาง : สามารถเที่ยวต่อกับพระราชวังต้องห้ามได้ ลงสถานี Tian’anmendong

Day 1 : National Centre for the Performing Arts (国家大剧院)

สำหรับเมืองปักกิ่ง เป็นเมืองที่มีบรรยากาศเมืองเก่าสวยๆ เยอะหลากหลายพิกัด แต่ก็ยังแทรกไปด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ๆ ดีไซน์ล้ำๆ อีกหลายจุด อย่างจุดนี้คือ "National Centre for the Performing Arts (国家大剧院)" หรือ โรงละครแห่งชาติจีนตั้งอยู่ทิศตะวันตกจัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ดีไซน์ล้ำสมัย ที่ตั้งอยู่กลางน้ำโอบกอดเอาไว้ มองผ่านๆ เหมือนยานอวกาศกำลังลงจอดกลางน้ำ หากต้องการเข้าชมด้านในอาคารสามารถซื้อตั๋วหน้างานได้ หรือ ซื้อออนไลน์ผ่าน "Klook" เพิ่มเติมคลิก แต่ถ้าถ่ายรูปด้านนอกจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม

การเดินทาง : ลงสถานี : Tian'anmen West

ในทริปนี้เราใช้จ่ายด้วย "บัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์" และ "บัตรเครดิต XU" ซึ่งเราใช้ทั้งรูด "จองตั๋วเครื่องบิน" ที่พัก กิน ช้อปตลอดทั้งทริป เพิ่มเติมคลิก และเราสามารถเลือกแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เปลี่ยนยอดรูดเต็มเป็นผ่อนชำระ "0% นาน 3 เดือน*" ได้เลย (ไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นสักบาท) เพิ่มเติมคลิก สิ่งหนึ่งที่เราชอบมากๆ เป็นพิเศษเลย คือ "Cashback" เงินคืนที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์

ทั้งสองบัตรเป็นบัตรเครดิตที่ดีต่อใจมากๆ ในแง่โปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งแนะนำให้ใช้เท่าที่จำเป็น มีการชำระคืนเต็มจำนวนตามกำหนดเสมอ เพื่อที่จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี จะทำให้ทุกการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก

Day 1 : Galaxy Soho (银河SOHO购物中心)

สำหรับพิกัดอีกหนึ่งอาคารที่มีความสวยงามล้ำสมัย เหมือนหลุดมาจากอีกหนึ่งจักรวาล ขอยกให้เป็น "Galaxy Soho Beijing" ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ในกรุงปักกิ่ง ที่เป็นห้างสรรพสินค้า ที่รวมเอาร้านอาหาร สถาบันเรียนพิเศษ ฟิตเนส และออฟฟิศต่างๆ เอาไว้ในที่เดียว โดยจุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมุมที่วัยรุ่นสาย Urban ชอบมาถ่ายรูปกัน
 
ในส่วนของคนที่อยากได้ภาพของอาคาร Galaxy SOHO แบบทั้งอาคารสวยๆ และเป็นแบบถ่ายรูปคู่วิวสวยๆ ได้ด้วย สามารถเดินข้ามถนนมาที่ฝั่งตรงข้าม กดลิฟท์ไปที่ชั้น 6 จะเจอกับลานกระจกกว้างๆ ที่เห็นวิวอาคารได้อย่างเต็มตา

Day 2 : Pop Land (泡泡玛特城市乐园)

เอาใจสายอาร์ตทอยกันบ้าง กับ "Pop Land" แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก! ที่นี่จะคล้ายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายพื้นที่ให้เดินเล่น ถ่ายรูปกับน้องตัวละคร Character ต่างๆ ที่อยู่ในค่าย "Pop Mart" และยังมีพื้นที่ให้ชอปสินค้าสุดพิเศษ ที่มีจัดจำหน่ายเฉพาะที่ Pop Land เท่านั้น สามารถเดินทางมาช้อปปิ้งได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องจองบัตรคิวล่วงหน้าเหมือนที่ไทย



พื้นที่จุดที่น่าสนใจมากๆ คือ "ปราสาท Molly" ที่เต็มไปด้วยน้องมอลลี่ขนาด 400% 1000% และยังมีเพลงประกอบ เป่าฟองสบู่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วย โดยอาคารนี้นี่แหละ เป็นแหล่งรวมของน่ารักๆ สินค้า Pop Mart ไว้เยอะที่สุด โดยเฉพาะน้อง Secret ของทุกๆ Collection จะมีการใส่ตู้โชว์เอาไว้ด้วย

สามารถซื้อตั๋วเข้าชมได้ที่หน้างาน ราคาค่าเข้าชม 150 หยวนในวันธรรมดา และ 180 หยวนในช่วงวัยหยุดเสาร์อาทิตย์ และ Peak Day ตามที่กำหนด

การเดินทาง : Zaoying station

Day 2 : Shichahai (什刹海）

สำหรับอีกหนึ่งจุดที่เราเองชอบมากๆ คือ "Shichahai" โดยจุดนี้จะได้ความเป็นตลาดนัดคนเดินริม "ทะเลสาบ Qianhai Lake" พร้อมวิวหอกลองสวยๆ ซึ่งในยามเย็นเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากๆ สามารถมานั่งเรือโบราณชมความสวยงามของทะเลสาบแห่งนี้ หรือจะเดินเล่นตลาดนัด ทานอาหาร Street Food ต่างๆ ก็ดีต่อใจไม่แพ้กัน

การเดินทาง : สถานี Shichahai แล้วเดินต่อนิดหน่อย

Day 2 : Sugar Bar 糖房咖啡

ในโซนพื้นที่ Qianhai Lake จะมีร้านคาเฟ่ดังติดเทรนด์ในอินสตาแกรมจีนมากๆ คือ "Sugar Bar" โดยจะเป็นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 3 และ 4 ซึ่งจะสามารถมองเห็นวิวหอกลองได้อย่างสวยงามเลย ที่นี่จะขายในส่วนของกาแฟ เครื่องดื่ม ขนมเค้ก และเบเกอร์รี่ต่างๆ



แน่นอนเราได้ไปเช็คอินหลายจุดมาแล้ว ระหว่างทริปไม่ว่าจะเที่ยว กิน ช้อปปิ้ง เราก็ใช้จ่ายผ่าน "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" บัตรเดียวตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ และถึงแม้ว่าใครที่ไม่ได้ไป "เที่ยวเมืองนอก" บัตรนี้ใช้ในประเทศก็ยังตอบโจทย์เรื่อง "Cashback ยื่นหนึ่ง" เหมือนเดิม มีโปรโมชั่นส่วนลด "เครดิตเงินคืน" แบบครอบคลุมแทบทุกหมวดในชีวิตให้เราได้เอ็นจอยกันตลอดทั้งปี เพิ่มเติมคลิก

1. "เที่ยวทริปไหนก็คุ้ม" จองที่พัก โรงแรม ผ่านแอปชั้นนำ Agoda, Traveloka, Trip.com, Booking.com หรือ จองตั๋วเครื่องบิน อาทิ Jeju Air, Jin Air, China Airlines, Asiana, United Airlines, Vietnam Airlines, Gulf Air ครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก

2. "เที่ยวทริปไหนก็คุ้ม" เมื่อรูดซื้อตั๋วเครื่องบินกับแอร์เอเชีย และ AirAsia MOVEครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก

3. "บินเที่ยวทั่วโลก" เมื่อรูดซื้อตั๋วเครื่องบินกับ 9 สายการบินที่ร่วมรายการ ได้แก่ All Nippon Airways (ANA), Cathay Pacific Airways, Emirates Airlines, EVA Air, Japan Airlines, Korean Air, Qatar Airways, Singapore Airlines, ZIPAIR ครบตามเงื่อนไข ก็รับเครดิตเงินคืน* เพิ่มเติมคลิก

4. "ช้อปคุ้มทั่วโลก รูดสกุลเงินต่างประเทศ" กิน เที่ยว ช้อป ที่เมืองนอก หรือช้อปออนไลน์ เป็นสกุลเงินต่างประเทศ รูดแล้วได้เครดิตเงินคืน* เมื่อมียอดใช้จ่ายตามเงื่อนไขฯ เพิ่มเติมคลิก

5. "0% สั่งได้ทุกอย่าง" เวลาที่เรารูดค่าใช้จ่ายผ่านบัตรขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป และรวมยอดแบ่งชำระเริ่มต้น 3,000 บาทขึ้นไป ก็สามารถเปลี่ยนเป็นผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน ได้เลย (ไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้นสักบาท) เพิ่มเติมคลิก

Day 3 : Summer Palace - Suzhou Street

เมื่อเราเดินเข้ามายัง "Summer Palace" หรือ "พระราชวังฤดูร้อนแล้ว" พื้นที่แรกที่เราจะพบเลย คือ "Suzhou Street" โดยจะเป็นตึกโบราณของจีน ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Hou Lake เป็นทะเลสาบยาวๆ ที่สามารถใช้เวลาเดินเล่นถ่ายรูปชมความสวยงามได้สักพัก เป็นจุดที่ถ่ายรูปสวย และแนะนำมากๆ

Day 3 : Summer Palace - Kunming Lake (昆明湖)

สำหรับ "ทะเลสาบ Kunming Lake" นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกทอแสงแห่งที่ราบสูง ที่มีความงดงาม สวยงามเปล่งประกาย ครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ของพระราชวังฤดูร้อน ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มีการใช้จำนวนคนเป็นแสนคนเพื่อขุดขยายทะเลสาบแห่งนี้ให้มีความยิ่งใหญ่อย่างปัจจุบัน

Day 3 : Summer Palace - Xumiling Jingzhi (须弥灵境址)

ภายในพระราชวังฤดูร้อน จะมีการเดินขึ้นและลงภูเขาหลายจุด พร้อมอาคารสถานที่สวยๆ หลายพิกัด ทำให้การมาเที่ยวที่นี่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน อย่างเราก็สามารถแพลนเที่ยวได้แบบเต็มวันเลย

Day 4 : Great Wall of Badaling (八达岭长城)

มาจีนแล้ว จะพลาดกับ "กำแพงเมืองจีน" ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้อย่างไร! โดยกำแพงเมืองจีนจะสามารถขึ้นมาเที่ยวชมได้หลายด่านมาก ซึ่งหากใครที่ต้องการเดินทางมาได้ง่ายๆ ไม่ต้องเดินเยอะ สามารถเลือกมาที่ด่าน Badaling เพราะ สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงจากปักกิ่งมาลง และต่อกระเช้า ก็ถึงด้านบนของกำแพงเมืองจีนได้ทันที



แนะนำจองตั๋วรถไฟความเร็วสูงกับ Trip.com โดยปกติหลายๆ เว็บจะแนะนำให้จองล่วงหน้าเกิน 7 วัน แต่หากคนที่แพลนไม่แน่นอนแบบเรา สามารถรีเช็ควันต่อวันช่วงเช้าได้ เพราะจะมีคนยกเลิกตั๋วทุกวันอยู่แล้ว สำหรับกระเช้าก็สามารถซื้อที่หน้างานได้ 100 หยวน เฉพาะขาขึ้น และหากนั่งกระเช้าขึ้นและลงจะอยู่ที่ 140 หยวน



สำหรับทริปนี้ เป็น Travel Guide ของการมาเที่ยวที่ "ปักกิ่ง" เป็นอีกหนึ่ง Destination ของคนไทยหลายๆ คนที่อยากมา "เที่ยวต่างประเทศ" ได้ในเวลาสั้นๆ ใช้งบเพียงหมื่นบาทต่อคนก็สามารถเที่ยวได้ โดยเราใช้จ่ายทั้งหมดจริงผ่าน "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" และ "บัตรเครดิต XU" เพราะสามารถเปลี่ยนยอดรูดเต็มเป็นการผ่อนชำระ "0% นาน 3 เดือน*" แบบ Smart ทุกการใช้ง่ายๆ เพียงเลือกยอดที่ต้องการผ่อนผ่านแอป UCHOOSE ได้ด้วยตนเอง เพิ่มเติมคลิก และยังได้ "Cash Back" เงินคืนทุกเดือนแบบคุ้มๆ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์เลย ใครสายเที่ยวก็ต้องพกบัตรนี้เอาไว้ไปเที่ยวด้วย



ส่วนใครที่ยังไม่มี "บัตรเครดิต" อ่านรีวิวในทริปนี้แล้วรู้สึกว่าบัตรนี้แหละที่ควรมีกระเป๋า แค่มีรายได้ประจำตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ก็ "สมัครบัตรเครดิตออนไลน์" กันได้แล้วนะ ยิ่งตอนนี้มีโปรโมชั่นแรกเข้าสำหรับสมาชิกใหม่ด้วย และขอแนะนำช่องทางใหม่สมัครผ่านแอป UCHOOSE สมัครง่าย อนุมัติไว พร้อมติดตามสถานะผ่านแอปได้เลย เอาเป็นว่าถ้าอยากได้โปรโมชั่นดีๆ ก็อย่าลืมใช้จ่ายผ่าน "บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม" และ "เอ็กซ์ยู บัตรเครดิต ดิจิทัล" การันตีว่าคุ้มอย่าบอกใครเลยแหละ

ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

สมัครบัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์ได้ที่นี่

สมัครบัตรทันที